หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Glock History


Glock เป็นปืนพกมาตรฐานที่ผลิตขึ้นโดย บริษัท Glock ประเทศออสเตรีย หากกล่าวถึงปืน Glock โดยคร่าวๆ คงเป็นการบอกล่าวถึงโครงสร้างของปืน โดยโครงสร้างของปืน Glock ทำจากโพลิเมอร์ ส่วนที่เป็นลำเลื่อนและลำกล้องจึงจะทำด้วยเหล็กกล้า ความพิสดารของปืน Glock อยู่ที่ไม่มี safe และวัสดุที่ดูเหมือนพลาสติก แต่อย่างเพิ่งคิดว่า Glock จะไม่มีสิ่งเย้ายวนใจให้น่าสนใจเหมือนปืนของที่อื่นเขานะครับ เพราะว่าความพิเศษของปืน Glock นั้นอยู่ตรงที่ ระบบการจุดชนวนที่เป็นแบบเข็มแทงชนวนชนิดพุ่งกระแทก ไม่ใช้นกสับ และที่สำคัญ เรื่องราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ซื้ออยู่มาก แต่ปัจจุบันหลังจากรัฐบาลได้มีนโยบายจำกัดการมีอาวุธปืน ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงเอาการอยู่ทีเดียว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปืนแบบอื่นๆ ที่มีขายในท้องตลาด ก็นับว่าเป็นราคาที่ยังพอรับได้ กับจุดประสงค์เพื่อนำมาใช้งานอย่างแท้จริง เรื่องความสวยงามนั้นก็แล้วแต่จิตใจของคุณจะชอบอย่างไร ไม่ขอออกความเห็น มาว่ากันด้วยเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานดีกว่า

ปืน Glock ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1963 โดยผู้ที่ประดิษฐ์คือวิศวกรที่ทำงานอยู่ใน Deutsch-Wagram ซึ่งใกล้กับ Vienna ชื่อนักวิศวกรผู้นี้คือ Mr. Gaston Glock โรงงานที่เขาทำอยู่นั้นเป็นโรงงานที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ที่ทำจากพลาสติกและเหล็ก เขาได้เริ่มพัฒนาและประดิษฐ์ปืน Glock ของเขาอย่างจริงจัง ณ ที่แห่งนี้ ความหวังลึกๆ ของเขาคือ "ปืนของเขานั้นเป็นปืนที่ดีที่สุด เพื่อเข้าไปช่วยงานในกองทัพได้" และนอกจากปืนแล้ว เขายังผลิตยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่สำคัญสำหรับการออกสนามรบ เช่น อุปกรณ์สนาม มีด และอาวุธต่างๆ ความมุ่งมั่นของเขาที่ทำให้ปืน Glock ขึ้นตำแหน่งผู้นำของโลกในเรื่องคุณภาพของปืน โดยเขายึดมั่นมาตรฐานการผลิต 3 ประการคือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าความสะดวกในการใช้งาน การพกพา และการบำรุงรักษาที่ง่าย ก่อนที่จะติดตามเนื้อหาของปืน ลองมาทำความรู้จักกับผู้ประดิษฐ์คิดค้นปืน Glock กันก่อนนะครับ ว่านายช่างผู้นี้เป็นใคร

แกสตั้น กล็อค (Gaston Glock) ชาวออสเตรียเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานบริษัท Glock ไม่ต้องบอกเราคงจะทราบแล้วว่าลุงแกสตั้น แกเป็นบุคคลระดับอัจฉริยะของโลก แต่ที่คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ก็คือ กล็อค ยังเป็นนักกีฬาว่ายน้ำวันละหลายกิโลเมตร ขนาดอายุปีนี้ก็ 77 ปีแล้วแต่ยังแข็งแรง เมื่อคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2542 กล็อคถูกทำร้ายที่เมืองลักซัมเบอร์ก โดยคนร้ายตีหัวด้วย ค้อนยาง หัวแตกถึงเจ็ดแผล เสียเลือดไปกว่าหนึ่งลิตร ลุงแกสตั้นยังมีแรงสามารถชกคนร้ายที่อายุน้อยกว่าเกือบ 20 ปี จนฟันหลุดออกจากปาก อัดกำปั้นเข้าเบ้าตา ไม่มีแรงหลบหนี เช้าวันต่อมามีคนไปพบทั้งสองคนนอนทับกันอยู่ จึงได้แจ้งตำรวจและหน่วยพยาบาลเข้าช่วยเหลือ

แกสตั้น ยังเป็นคนค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง มุทะลุ และมีความเชื่อมั่นใจตัวเองสูงมาก มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อปี 2524 ก่อนกล็อคจะผลิตปืนตอนนั้น บริษัทยังเพียงแค่ทำเปลือกระเบิด พลั่ว และอุปกรณ์สนามพลาสติกให้กับกองทัพออสเตรีย เป็นช่วงฤดูกองทัพออสเตรียเปลี่ยนปืนพกประจำการ ลุงแกสตั้นไปได้ยินผู้พันท่านหนึ่งรำพึงกับเพื่อนร่วมงานว่า ไม่มีผู้ผลิตรายใด ยื่นเสนอปืนที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวตามต้องการของกองทัพได้ ลุงได้ยินเช่นนั้นก็สวนกลับไปว่า ได้สิ บริษัทกล็อคนี่แหละทำได้ ผู้พันสองคนหันดูลุงแกสตั้นแล้วหัวร่อใส่หน้า เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง เล่นดูถูกกันต่อหน้าเช่นนี้มีหรือคนอย่างแกสตั้น กล็อค จะยอม คุณคริสโตเฟอร์ เอ็ดเวิร์ดส (Christopher Edwards) อดีตมือปราบผู้ช่วยนายอำเภอเจพเฟอร์สัน เคาน์ตี้ มลรัฐเคนตั๊กกี้ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถาบันฝึกสอนของกล็อค อิงค์ สหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้ใกล้ชิดกับลุงกล็อค กล่าวว่า ไม่มีใครหัวเราะเยาะแกสตั้น กล็อคได้แล้วหลุดรอด

กล็อคมั่นใจว่าตนสามารถออกแบบและผลิตปืนมีคุณสมบัติตามที่กองทัพออสเตรียต้องการได้ดีกว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ลุงเองไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับปืนมาก่อน กล็อคบอกกับเพื่อนร่วมงานว่า ก็เพราะไม่มีความรู้นี่แหละ เป็นจุดเด่นทำให้ได้เปรียบเหนือผู้ผลิตรายอื่นๆ เพราะจะทำให้ความคิดของเขาเปรียบเหมือนผ้าขาว เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ผูกติดกับวิธีการ เครื่องจักร หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีเก่าๆ

เป็นระยะเวลาสองปีที่ แกสตั้น กล็อค ตั้งหน้าตั้งตาออกแบบปืนกระบอกแรกของ บริษัทกล็อค ลูกน้องลุงกล็อคเล่าให้ฟังว่า ลุงจะทดสอบปืนต้นแบบด้วยตนเองแต่จะยิงด้วยมือซ้าย เพราะเผื่อปืนระเบิดยังมีมือขวาไว้เขียนหนังสือ แกมุ่งมั่นกับโครงการนี้จนเกิดอาการหงุดหงิด งุ่นง่าน ถึงขนาด คุณป้า เฮวก้า (Helga) ภรรยายังไม่กล้าเข้าใกล้ เมื่อปี 2526 กล็อคส่งมอบปืนชุดแรกให้กับกองทัพออสเตรีย หลังจากผ่านการทดสอบ ได้สั่งซื้อกล็อค 17 เป็นจำนวน 25,000 กระบอก กล็อคเป็นนวัตกรรมที่แตกต่างจากปืนอื่นๆ มีชิ้นส่วนเพียง 34 ชิ้นเปรียบเทียบกับปืนขนาด .45 เอซีพี ของสมิท แอนด์ เวสสัน ซึ่งมีส่วนประกอบถึง 60 ชิ้น โครงปืนผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ไม่เพียงมีราคาต้นทุนต่ำกว่า แต่ยังทำให้ความรู้สึกแรงสะท้อนถอยหลังน้อยกว่าปืนโครงโลหะ คุณจอนห์ ฟาร์นั่ม (John Farnum) ผู้ก่อต้องสถาบันฝึกอบรมป้องกันตัว Defense Trianing International ให้ข้อมูลว่า แกสตั้น กล็อค จะไม่รวยได้อย่างไร ก็เมื่อปืนมีต้นทุนประมาณ 75 เหรียญสหรัฐฯ ขายในราคา 500 เหรียญสหรัฐฯ นิตยสารธุรกิจอเมริกันชื่อ ฟอร์เบส (Forbes) ประมาณรายได้ของบริษัทกล็อคไว้ที่ 100 ล้านเหรียญ สองในสามของรายได้มาจากตลาดในสหรัฐอเมริกาทั้งส่วนพลเรือนและราชการ ซึ่งมีกว่า 4000 หน่วยงาน

การพัฒนา
ส่วนประกอบของปืน Glock ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเหมาะสม การพัฒนาเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ปืนมีความแข็งแรงต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น การพัฒนาผิวปืนที่แนบเนียน การฉาบสารพิเศษที่ผิวปืน ทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งของปืนมากยิ่งขึ้น ที่แน่ๆ คือ ปืน Glock ปลอดภัยจากสนิมแน่นอนครับ เนื่องจากวัสดุที่นำมาทำปืนนั้นเป็นพวกโพลิเมอร์

ความแม่นยำ
ปืนพกของ Glock ถูกออกแบบเพื่อการใช้งานที่แม่นยำ ลักษะณะปืนได้รับการออกแบบ มาอย่างเรียบง่าย แต่เน้นความถนัด ผู้ใช้งานสามารถเลือกขนาดปืนได้ตามต้องการของขนาดมือ การออกแบบที่กลมกลืนของปืน Glock จึงทำให้สามารถครองใจนักนิยมปืนอยู่เป็นจำนวนมาก อุปกรณ์ต่างๆ ได้ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวและเข้ากัน ที่สำคัญน้ำหนักของปืน Glock ก็ไม่หนักมากและเบามากจนเกินความพอดี ส่งผลให้การเล็งและบังคับทิศทางในการใช้ปืนได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น กล็อคได้เพิ่มความพิเศษของปืนด้วยการใช้สารโพลิเมอร์มาทำเป็นส่วนของโครงปืน และส่วนของด้ามจับหรือ Grip นั้นก็ได้รวมเข้ากับโครงปืนหรือตัวปืนด้วยเช่นกัน สำหรับเรื่องแรงดีดของปืนเวลายิงหรือที่เรียกว่าแรงรีคอยล์นั้น ก็ต่ำลงซึ่งจุดนี้ก็เป็นอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องความแม่นยำของได้มากยิ่งขึ้น ลำกล้องของปืนจะมีขนาดทีใหญ่เป็นพิเศษ และลักษณะของ Hammer-forged จะเป็นลักษณะเกลียวเล็กๆ ขดอยู่ในตัวปืน แน่นอนสิ่งพิเศษเหล่านี้ย่อมเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Glock มากยิ่งขึ้น ส่วนไกปืนนั้นถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ง่ายต่อการใช้งาน สำหรับการหวังเป้าหมายนั้น คุณสามารถไว้วางใจ Glock ได้ทุกประเภทของเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเป้านิ่งหรือเป้าเคลื่อนไหว Glock ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

ระบบความปลอดภัยไกปืนของ Glock
ปืน Glock มีระบบความปลอดภัยในขณะยิงโดยใช้ระบบของกลไกปืนเป็นตัวป้องกันอันตราย โดยจุดนี้ถือว่าเป็นจุดได้เปรียบทางการค้าอย่างมาก สำหรับระบบรายละเอียดพอคร่าวๆ ดังต่อไปนี้

-ไม่มีระบบความปลอดภัยภายนอก
-ไม่มีระบบความปลอดภัยจากการง้างนก
(เมื่อต้องการขึ้นนกปืน จะไม่มีระบบความปลอดภัยในจุดนี้)
-ปืนพกของ Glock ปลอดภัยในการยิงจนกระทั่งการยิงเสร็จสิ้น


ในการทำงานของปืน Glock มีอยู่ด้วยกัน 3 ระบบอัตโนมัติ เมื่อการทำงานของไกปืนเพื่อความปลอดภัยแล้ว ระบบดังกล่าวจะทำงานอย่างเป็นอิสระต่อกัน เมื่อคุณดึงไกปืนและยิงปืนออกไป ปืนจะทำการตั้งระบบใหม่ตั้งแต่ต้นโดยอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ต้องขึ้นไกปืนอีกครั้ง สำหรับระบบการหมุนกลับของไกปืนประกอบด้วย

1. Trigger Safety
ไกที่มีคันนิรภัยแรกอยู่ด้วย
2. Firing pin Safety
มีสมอล็อกเข็มแทงชนวนซึ่งจะยึดเข็มไว้จนกว่าจะมีเจตนาเหนี่ยวไกจริงๆ
3. Drop Safety
ระบบป้องกันปืนลั่นขณะทำปืนตก


ปืนสั้นตระกูลกล็อคได้สร้างชื่อเสียงจากรุ่นกล็อค 17 ซึ่งได้พัฒนาจาก Austrian company Glock Gmbh ปัจจุบันกล็อคมีชื่อเสียงทั้งมีดที่มีคุณภาพ และเครื่องมือเครื่องจักร จนกระทั่งกล็อค 17 ได้เข้าร่วมในการแข่งขันทดสอบ เพื่อนำไปเป็นปืนประจำการในกองทัพ และกล็อคได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม กล็อคถูกบรรจุในกองทัพบกและตำรวจของออสเตรีย ในช่วงต้น ค.ศ. 1980 ในชื่อ P-80 กล็อค 17 และปืนในตระกูลกล็อคก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในวงการตำรวจ ทหาร และ ผู้รักษากฎหมาย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปืนกล็อคได้ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ มากกว่า 50 ประเทศ

ปัจจุบันกล็อคได้ผลิตปืนที่ใช้กระสุนปืนสั้น ที่เป็นที่นิยมหลักๆ ได้แก่ ขนาด 9x17mm Short (.380ACP), 9x19mm Luger, .357SIG, .40SW, 10mm auto และ .45ACP. กล็อคได้ผลิดตัวปืนทั้ง ขนาดตัวเต็มมาตรฐาน , ขนาดคอมแพคพกพา , ขนาดซับคอมแบท แบบซุกซ่อน และรวมถึงปืนในระดับแข่งขันด้วย ปืนกล็อคที่ใช้ในการฝึกซ้อมจะแยกสีของโครงปืนเป็น โครงปืนสีฟ้าสำหรับยิงกระสุนที่ไม่อันตราย(กระสุนสี) และโครงปืนสีแดงเป็นปืนที่ไม่สามารถยิงได้

กล็อคทุกรุ่นยกเว้นขนาด .380ACP จะใช้ระบบปฏิบัติการแบบรีคอยล์ โดยลำกล้อง กับสไลด์ขัดกลอนแบบบราว์นิ่ง โดยลำกล้องกับสไลด์จะล็อคตรงช่องคายปลอก

ปืนกล็อคทุกรุ่นได้สิทธิบัตร "Safe action" หากไม่เหนี่ยวไก ปืนจะไม่ลั่น ก่อนทำการยิง เข็มแทงชนวนจะอยู่ในระดับครึ่งทาง และสมอล็อคเข็มแทงชนวนจะตกลงมา เมื่อผู้ยิงเหนี่ยวไก จะไปผลักให้สมอล็อคเข็มแทงชนวนยกตัวขึ้น พร้อมทั้งยันให้เข็มแทงชนวนถอยหลังไปจนถึงจุดลดเซียร์ จะทำให้เข็มแทงชนวนหลุดจากเซียร์ แล้วพุ่งกระแทกเข้ากับท้ายกระสุน แรงเหนี่ยวไกจะคงที่ทุกนัด (ปรับตั้งได้โดยเปลี่ยนตัว ลดเซียร์ มีน้ำหนักตั้งแต่ 2-5.5 กิโลกรัม) ต่างจากปืนอื่น

กล็อคทุกรุ่นจะไม่มีระบบควบคุมอื่นภายนอก ยกเว้น ไก และ ปุ่มค้างสไลด์ (ข้อแตกต่าง ระหว่าง กล็อค 18 กับกล็อครุ่นอื่น คือปุ่มเลือกโหมดที่อยู่บนสไลด์) กล็อคที่ใช้กระสุน .380 ACP (โมเดล 25 และ 28) ต่างจากปืนกล็อค อื่น ๆ ตรงระบบปฏิบัติการโดยใช้ระบบโบว์แบ็ค ปืนรุ่นนี้ออกแบบเพื่อขายให้แก่ประชาชนในประเทศที่ไม่อนุญาติให้จำหน่ายกระสุนที่มีประจำการในกองทัพขายให้แก่ประชาชน

ปืนกล็อคทุกรุ่นจะมีโครงปืนเป็น โพลิเมอร์ และ สไลด์โลหะที่เคลือบ อบความร้อน ด้วยสาร เทนิเฟอร์ เพื่อป้องกันสนิมและการกัดกร่อน กล็อครุ่นแรกจะไม่มีร่องนิ้วมือและร่องวางนิ้วหัวแม่มือ เหมือนกล็อคที่ผลิตในปัจจุบัน กล็อคที่ผลิตในทุกวันนี้จะมีรางใส่อุปกรณ์เสริมใต้ลำกล้อง ศูนย์หน้าและหลังจะมึขีดขาวหรือสารเรืองแสงสอดอยู่ และศูนย์ปรับได้จะอยู่ในรุ่นแข่งขัน

เกือบทุกรุ่นของ กล็อคที่ถูกดัดแปลงเจาะพอร์ทจากโรงงานจะมีตัวอักษร "C" ต่อท้าย เช่น Glock 17C เป็นต้น กล็อค 17 (เพียงรุ่นเดียว)ที่สามารถติดตั้งชุดยิงใต้น้ำ ที่ทำให้ปืนกล็อคยิงใต้น้ำได้อย่างปลอดภัย โดยทั่วไปการยิงใต้น้ำเกิดขึ้นในสงครามน้อยมากเพราะระยะยิงที่สั้นมากนั่นเอง แต่จุดประสงค์หลักคือการแสดงให้เห็นว่ากล็อคสามารถยิงได้ในทุกสภาวการณ์ หากมีน้ำในลำกล้อง ปืนหลายรุ่นลำกล้องจะระเบิดแตกออกทันทีที่ยิง



ชุดเลือกระบบการยิงของกล็อคในกล็อค 18 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับกระสุนขนาด 9mm Luger และออกแบบเพื่อจำหน่ายให้กับกองทัพและผู้รักษากฏหมายเท่านั้น กล็อค 18 สามารถเลือกยิงแบบทีละนัดหรือยิงทีละ 3 นัด กล็อค 18 จะมีแม๊กกาซีนพิเศษที่ใส่กระสุนได้ถึง 31 นัด และชุดพานท้ายที่สามารถต่อเพิ่มเติมได้เพื่อความปลอดภัย อุปกรณ์บางอย่างของกล็อค 18 จะไม่สามารถสับเปลี่ยนหรือใช้กับกล็อค 17 หรือกล็อค 19 ได้ จากการคำนวณในโหมด Full-Auto กล็อคจะสามารถยิงได้ถึง 1200 นัดต่อนาที ในปัจจุบันกล็อคได้ผลิตปืนสั้นออกมาโดยมีตัวเลขกำกับรุ่นอยู่ตั้งแต่กล็อค 17 จนถึงกล็อค 39


Glock 17 : เป็นปืนขนาดมาตรฐาน (Full Size) และเป็นโมเดลแรกของสายการผลิต สามารถทำยอดขายได้เยี่ยมยอด ซึ่งทาง KSC ออกแบบกลไกและระบบใกล้เคียงกับปืนจริงมาก ซึ่งต่อมาก็มีการผลิตตามมอีกหลายรุ่นด้วยกัน

Glock 18C : หลายคนมักจะเข้าใจว่ารหัส C หมายถึงปืนที่ยิง Full Auto ได้ แต่ความจริงแล้ว C ย่อมาจาก Compensator หมายถึงปืนที่มีการเจาะ Port ระบายแก๊ส เพื่อลดอาการสะบัดของปืน (Recoil) มาจากโรงงานเลย (Compensated Mode)ในปืนจริงก็เลยหมายถึง Glock ที่ยิง Full Auto ได้ แล้วมีการเจาะ Port จากโรงงานมาแล้วนั่นเอง แต่สำหรับปืน BB มันคือ G17 ที่ยิง Auto ได้ และมี Rail Interface มาด้วย

Glock 19 : รุ่นยอดนิยม ด้วยการออกแบบมาให้เป็นขนาด Compact Size และมาพร้อมกับ Rail Interface มีการปรับปรุงกลไกการยิงอีกพอสมควร เพื่อเพิ่มความทนทาน ทำให้ได้รับความนิยมสูงสุดเป็น Glock ที่ขายดีที่สุดของ KSC ในปัจจุบัน แต่ทั่งนี้ G19 มีสอง Version คือ Japan Version และ Taiwan Version ในแง่การยิงแล้วไม่แตกต่างกัน แต่ Japan Version จะมีสีของโครงปืนที่ต่างออกไปและผลิตมาจำนวนน้อย ทำให้มีราคาที่สูงกว่าปกติ นอกจากนี้แล้วทั้งสอง Version ก็เหมือนกันทุกประการ

Glock 23F : จะว่าไปแล้ว มันก็คือ G19 ที่ยิง Full Auto ได้นั่นเอง ลำกล้องเป็น Hybrid เจาะพอร์ท แต่ที่ดีกว่าก็คือ มาพร้อมกับ Rail System แบบ 2 ราง สามารถติดของเล่นได้เยอะกว่า G18C

Glock 26 : เป็นปืนพกซ่อน(Sub-Compact)ขนาดเล็กที่สุดใน GLOCK Series จริงๆแล้ว ทาง KSC ก็ผลิต G26 ออกมาเช่นกัน ไม่ใช่แต่ Tokyo Marui ซึ่งโมเดลนี้ก็มี 2 Version เช่นเดียวกับ G19

Glock 26C : คือ Glock 26 ทรง Sub-Compact ที่มีระบบการยิงแบบ G18C สามารถยิง Full Auto ได้ (เป็นปืนกลที่เล็กที่สุดในโลก)

Glock 34 : จริงๆแล้ว Glock34 สำหรับปืนจริง เป็นปืนที่ทำมาเพื่อใช้สำหรับการแข่งแบบ IPSC ดังนั้นพอเป็น BB ก็เลยได้อานิสงส์ความแม่นยำจากความยาวลำกล้อง ซึ่งผมขอบอกว่า ประทับใจมากกับกลุ่มกระสุน และระยะหวังผล



ที่มา : โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
เขียนโดย : พ.ต.ณัฐวัช เกษสมบูรณ์

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Colt History


ประวัติคร่าวๆของผู้ผลิตอาวุธปืน Colt

เอ่ยคำว่า “Colt” เชื่อได้ว่านักนิยมปืนทั่วโลกต้องรู้จักในฐานะผู้ผลิตปืนสั้นอันมีชื่อเสียงต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคที่ใช้ปืนใช้กระสุนดินดำจนถึงปัจจุบัน จากปืนลูกโม่ Single Action (Colt Walker) มาถึง Single Action Army ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ 1911 (M-1911 หรือ Government Model) ตลอดจนลูกโม่ดับเบิล (Python) แม้แต่ปืนสั้นลูกกรด (Colt Woodsman) ล้วนเป็นปืนมีระดับที่นักสะสมใฝ่หากันมาก ซึ่งบริษัท Colt ก็ให้การสนับสนุนด้านข้อมูลเป็นอย่างดี ผู้ที่สนใจสามารถสืบค้นประวัติความเป็นมาต่างๆได้

ในปีที่ Colt ฉลองครบรอบ 150 ปี เป็นปีที่ปืน 1911 ปลดระวางจากกองทัพสหรัฐอเมริกา จากศตวรรษ 1800, 1900 Colt เข้าสู่ศตวรรษที่สามคือ 2000 แบบไม่ค่อยมั่นคงนัก ถ้าเป็นคนก็เหมือนเข้าสู่วัยชราแบบไม้ใกล้ฝั่ง แต่ในทางตรงกันข้าม หลังจากที่สิทธิบัตรคุ้มครองปืน 1911 หมดอายุไป 1911 กลายเป็นตัวเก่งให้หลายๆบริษัทสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นใหม่ได้

Colt M-1911 World War I Replica (.45 ACP)

Colt 1911 World War I Replica เป็นปืนที่ Colt ทำส่งให้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาเมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี 1914 ถึง 1918

Colt M-1911 A1 (.45 ACP)

Colt 1911 A1 เป็นปืนที่กองทัพสหรัฐเคยใช้เป็นปืนประจำการและเคยถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2

คำว่า 1911 คืออะไร

1911 เป็นปีที่ Colt ผลิตปืนกึ่งอัตโนมัติ ผลิตให้กับทหารสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่ 1 ตั้งแต่ปี 1914 ถึง 1918 และ Colt ได้จดสิทธิบัตรปืนกึ่งอัตโนมัติไว้ว่าห้ามลอกเลียนแบบ คำว่า 1911 คือชื่อของแบบแผนปืนกึ่งอัตโนมัติที่ Colt ได้จดสิทธิบัตรไว้ หลังจากสิทธิบัตรคุ้มครองแบบแผนปืน 1911 สิ้นสุดลง ในช่วงปี ค.ศ. 1985 หลายบริษัท เลยหันมาผลิตปืนแบบ 1911 กันจำนวนมาก

Colt M-1911 A1 (.45 ACP)

เมื่อเอ่ยถึง Colt 1911 ผู้ที่รู้จักหรือคุ้นเคยกับอาวุธปืนอยู่บ้าง ย่อมจะนึกถึงปืนสั้นออโต้แบบกัฟเวอร์นเมนท์โมเดล ขนาด .45 ACP ของโรงงาน Colt กันแทบทุกคน โดยเฉพาะท่านที่เป็นทหารรุ่นเก่าของไทยย่อมจะต้องรู้จักคุ้นเคยเป็นพิเศษ เนื่องจากปืน Colt ออโต้โมเดลนี้มีชื่อเสียงกิติศัพท์อันเกรียงไกรมาจากพื้นฐานซึ่งเป็นปืนทหารมาก่อน นับตั้งแต่กองทัพบกของสหรัฐอเมริกาเข้ารับประจำการในปี ค.ศ. 1911 จึงเป็นที่มาของคำว่า “โมเดล 1911” หลังจากผ่านการทดสอบของกองทัพมาเป็นเวลาเกือบห้าปี ต่อมา ปืนโคลท์ กัฟเวอร์นเมนท์ โมเดล 1911 ได้รับการปรับปรุงอีกเล็กน้อยในทศวรรษแห่งปี 1920 จึงได้เปลี่ยนเป็น “โมเดล 1911 A1” นับตั้งแต่นั้นมา

ด้วยเหตุที่ปืนโมเดล 1911 ที่กองทัพสหรัฐฯ แจกจ่ายให้ทหารของตน หรือส่งไปช่วยเหลือกองทัพประเทศพันธมิตร มีอักษรข้อความว่า UNITED STATES PROPERTY อยู่ทางด้านซ้ายของโครงปืน และโดยเฉพาะมีอักษรบอกข้อความอยู่ทางด้านขวาของโครงปืนว่า MODEL OF 1911 U.S. ARMY หรือ NAVY แต่ส่วนมากจะเป็น U.S. ARMY จึงทำให้นักเลงปืนชาวบ้านทั่วไปพากันเรียกปืนโมเดลนี้ว่า “ปืนยูเอส อาร์มี” หรือ “ยูเอส” เฉยๆ หรือไม่ก็เรียกว่า ปืนขนาดสิบเอ็ด ตามขนาดของปืนหรือกระสุนที่ใช้ยิงไปเสียเลย สาเหตุที่ผู้ใช้ปืนบ้านเรานิยมเรียกกระสุน .45 ACP ว่า สิบเอ็ดมอมอ เพราะยังยึดติดไปตามระบบเมตริกของกระสุนปืนจากยุโรปอยู่ จึงไม่ค่อยได้เรียกกันว่าขนาดจุดสี่ห้าสักเท่าใดนัก

หากกล่าวถึงปืนออโตแบบ 1911 โดยทั่วไปแล้ว คนส่วนมากก็จะนึกถึงปืนขนาด .45 เอซีพี ทั้งๆที่โคลท์ก็ผลิตปืนโมเดลนี้ออกมาในขนาด .38 Super และ 9mm Luger ด้วย แต่เป็นเพราะคนรู้จักคุ้นเคยกับปืนขนาด .45 ACP มาก่อนนั่นเอง อย่างไรก็ตาม นักเล่นปืนในบ้านเราก็ให้ความนิยมปืน Colt 1911 ขนาด .38 Super รองลงมาจากขนาด .45 เอซีพี หรือ 11 มม. สาเหตุหลักมาจากการขอใบอนุญาต ป.3 สำหรับปืนขนาด .38 ได้ง่ายกว่า แต่ปัจจุบันนักยิงปืนระบบไอพีเอสซีนิยมใช้ปืนออโต้ 1911 ขนาด .38 Super ยิงแข่งขัน ปืนขนาด .38 Super จึงได้รับความนิยมขึ้นมาใกล้เคียงกับปืนขนาด .45 ACP นอกจากนี้กระแสความนิยมในปืนสั้นออโตวันเดอร์ไนน์มีส่วนช่วยเสริมให้เกิดความนิยมปืนออโต้ 1911 ในขนาด 9 มม. ไปด้วย แต่ปืนออโต้ 1911 ขนาด 9 มม. นี้มีวางจำหน่ายอยู่ไม่มาก เพราะร้านขายปืนของไทยไม่ค่อยสั่งเข้ามา ทั้งๆแต่เดิมบริษัทโคลท์ก็ผลิตปืนออโต้ 1911 ในขนาด 9 มม. ลูเกอร์มานานแล้ว เมื่อประมาณ 20-30 ปีก่อนหน้านี้ ผู้เขียน Colt Combat Commander ขนาด .38 Super และ 9 มม. มีวางจำหน่ายอยู่ประปรายบ้าง ในปัจจุบันปืนออโต้ 1911 ขนาด 9 มม. เริ่มสั่งเข้ามาขายมากขึ้นทั้งที่เป็นแบบลูกดกและลูกไม่ดก แต่เป็นปืนยี่ห้ออื่นมากกว่า ยี่ห้อโคลท์เจ้าเก่าหรือเจ้าตำรับยังสั่งเข้ามาน้อย จนแทบจะเรียกว่าหายากส่วนมากจะเห็นเป็นปืนมือสองครับ

คราวนี้หันมาดูปืนออโต้ 1911 ของโคลท์กันบ้าง หลังจากมีการปรับปรุงเป็นรุ่น 1911A1 ก็มีการเปลี่ยนแปลงบูชลำกล้องจากรูปทรงกระบอกทึบไปเป็นแบบกลีบจำปาในปี 1970 เรียกว่า Series 70 และได้เพิ่มตัวกั้นเข็มแทงชนวน หรือสมอล็อกเข็มแทงชนวนเข้ามาอีกเมื่อปี 1980 เรียกว่า Series 80 แต่ปัจจุบัน แม้ว่าปืน Colt 1911A1 จะเปลี่ยนแปลงโฉมภายนอกให้เหมือนปืน

ซิ่งมากขึ้นตามกระแสความนิยมซึ่งก็ยังเรียกว่าเป็น Series 80

Colt M-1991A1 (.45 ACP)

ในปี 1991 โคลท์ได้ผลิตปืน Model 1991A1 ขึ้นมา ซึ่งฟังดูแล้วน่าจะเป็นการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของปืนโคลท์ 1911 แต่กลับเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีหรือรูปแบบการผลิตเสียมากกว่า คือการแต่งผิวโลหะค่อนข้างด้านแบบปืนทหาร และรมออกสีเขียวๆอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งที่เน้นคือราคาประหยัดมากขึ้นเพราะในช่วงเวลานั้นราคาของปืนโคลท์ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันว่าเหล็กที่ใช้ทำปืนออโต้ 1991A1 ของโคลท์เป็นเหล็กที่มีคุณภาพแข็งแกร่งทนทานอย่างเดียวกับที่ใช้ทำปืนทหารมาก่อน ดังนั้น จึงพอหนุมานได้ว่า Colt 1991A1 เป็นปืนที่เน้นไปทางด้านการใช้งานสมบุกสมบันมากกว่าความสวยงามสะดุดตา นอกเหนือจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากปืน Series 80 ของ Colt เอง ด้วยเหตุนี้จึงมีนักนิยมปืนที่มองเห็นข้อดีของ Colt 1991A1 แล้วซื้อมาแต่งซิ่งตามที่ใจชอบอีกประการหนึ่งทางโรงงาน Colt โฆษณาว่า Colt 1991A1 เป็นปืนที่ถ่ายทอดลักษณะดั้งเดิมของ Colt 1991A1 มาเกือบทุกกระเบียดแต่มีทั้งแบบ Government Model กับแบบ Commander และมีทั้งทำด้วยเหล็กรมดำและเหล็กสเตนเลสส์ ช่วยให้ผู้ใช้ปืนที่นิยมปืนรุ่นเดิมๆ มีโอกาสเลือกได้บ้าง

Colt Gold Cup

โมเดลแรกที่โรงงาน Colt ทำออกมาเพื่อยิงเป้าคือ Colt National Match แตกต่างจากปืนสายยิงคนคือ เลิกเอาลำกล้องที่คัดพิเศษ โดยมีหลักการว่า จำนวนหนึ่งพันลำกล้องของล็อตนี้ สองร้อยลำแรกเครื่องจักรยังไม่เสถียร เพิ่งเริ่มเดินเครื่องก็เอาไว้เป็นลำกล้องยิงคน สามร้อยถึงเจ็ดร้อยอันต่อมาถือว่าเครื่องจักรเดินนิ่งดีแล้วก็คัดเอาไว้ก่อน สามร้อยอันสุดท้ายของล็อตก็จัดไปเข้ากลุ่มลำใช้งานทั่วไปที่คัดมาดีๆนั้นมาเลือกเอาเรียบร้อยที่สุดไว้สักสองร้อยอันเพื่อมาประกอบกับลำเลื่อนที่ทำขึ้นต่างหากโดยเจาะรูเจาะช่องให้ประณีตกว่า มีสันลำกล้องให้เป็นแนวเล็งนำสายตา และเซาะร่องละเอียดกันแสงสะท้อน ใส่ศูนย์หลังแบบปรับได้สี่ทาง ใบศูนย์ใหญ่เล็งง่าย รุ่นแรกๆมีศูนย์สองยี่ห้อ คือ แอคโคร และ เอดิสัน ศูนย์หน้าเป็นแบบยกสูงตัดฉากหลังต่างจากศูนย์รูปวงเล็บจุ๋มจิ๋มของปืนสายยิงคน

บูชลำกล้องและหลอดครอบสปริงทำมาเป็นพิเศษ โดยหลอดครอบสปริงตรงปลายจะเป็นลาดเอียงหรือเทเปอร์ เพื่อให้รับกับบู้ชลำกล้องที่ทำลาดเอียงไว้รับกัน เพื่อให้ล็อคลำกล้องนิ่งกว่าปกติ ซึ่งทำเป็นบ่าไว้เฉยๆ ไกก็ทำหน้ากว้างกว่าปกติ มีหมุดหยุดไกปรับได้ละเอียดมากด้วย นอกนั้นนกและหลังอ่อนก็ยังเหมือนปืน Government แต่จะทำผิวรมดำมาชนิดดีพบลูสวยงามกว่า เพราะแน่นอนละว่า ปืน National Match ขายราคาแพงกว่าโขอยู่ และเมื่อลงสู่สนามแข่งขัน มันก็ประสบความสำเร็จงดงาม จน Colt ผลิตรุ่นต่อๆมา โดยเพิ่มคำว่า ถ้วยทอง หรือ Gold Cup สาไว้หน้าชื่อ National Match

Colt Gold Cup National Match เป็นความภาคภูมิใจของ Colt ในฐานะเป็นเหมือนเรือธง เป็นปืนในระดับสูงของปืนสาย 1911 ในขณะที่ปืนรีวอลเวอร์ Colt Python (.357 Magnum) ได้รับการวางตัวไว้ในระดับสูงสุดเช่นเดียวกัน ทั้งสองรุ่นนี้ กล่าวได้ว่า Colt ผลิตขึ้นเพื่อการโชว์ฝีมือของผู้นำในวงการผลิตอาวุธปืน เพื่อเป็นการประกาศศักยภาพให้คู่แข่งสำคัญคือ Smith & Wesson ได้ตระหนักว่า ศักดิ์ศรีของการเป็นผู้นำ มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วย

ปืน National Match รุ่นแรกๆ มีเข้ามาในเมืองไทยอยู่พอสมควร ครั้งกระโน้นสามสิบปีกว่าได้ ห้างปืนที่เป็นตัวแทนสั่งเข้ามาคละกับ Government คราวละไม่มาก เพราะเป็นปืนที่จับตลาดบน ชาวบ้านทหารตำรวจทั่วไปก็ไม่ซื้อเพราะแพงกว่าหลายพันอยู่ สมัยที่ Government ไม่ถึงหมื่นบาท แต่ Colt National Match ทะลุหมื่นขึ้นไป ปัจจุบันจะหา National Match ดูได้ยากมากแล้ว เพราะจะอยู่ในมือของนักยิงปืนระดับบนๆ เช่นนายทหารนายตำรวจ หรือพ่อค้าใหญ่เท่านั้น ซึ่งไม่ค่อยปรากฏว่ากลุ่มนี้จะขายปืนออกมาสู่ตลาดเหมือนชาวบ้านร้านช่องเขา

Colt Gold Cup National Match มีวิวัฒนาการตามสายการผลิตของ Colt ขึ้นมาตามลำดับ เช่นเดียวกันกับสายปืนต่อสู้ปกติ โดยขยับมาเป็น Mark IV Series 70 ลำกล้องอวบปลายรับกับบู้ชสปริงสี่ขา แต่ก็ยังคงเป็นเหล็กรมดำขลับอยู่เช่นเดิม แม้ว่าช่วงนี้โลกปืนจะเริ่มนิยมเหล็กสเตนเลส ขาวๆแล้วก็ตาม ซึ่ง Smith & Wesson เป็นผู้จุดกระแสก่อนในโมเดล 60 ชีฟส์สเปเชี่ยล จนมาสู่ยุคเอจตี้ ปี 1980 Colt ก็พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นโดยใส่นิรภัยเข็มแทงชนวนและก็เริ่มปรากฏปืน Colt Stainless ออกมาแล้ว ทั้งปืน Revolver ตระกูลงูพันธุ์ต่างๆของ Colt เช่น ไพธ่อน ไดมอนแบ็ค คอบร่า ไวเปอร์ และอนาคอนดา ยังมีโบอาอีกตัว ทั้งที่บนปืนก็ตีม้าผยองตามปกติ

Gold Cup National Match Mark IV Series 80 ผลิตขึ้นหลังจากที่สิทธิบัตรคุ้มครองแผนแบบปืน 1911 ของ Colt หมดอายุลง ในช่วงปี ค.ศ. 1985 แถม Colt ยังเสียการเป็นผู้ผลิตปืนพกให้กองทัพสหรัฐอเมริกา โดย Beretta จาก Italy ได้ออเดอร์มหึมานี้ไปแทน และก็เกิดกระแส 1911

ฟีเวอร์ขึ้นมาอีกด้วยการลงตลาดของผู้ผลิตปืนรายเล็กใหญ่สารพัด ที่นำเอาแผนแบบของปืน 1911 ไปผลิตในนามยี่ห้อของตน ซึ่งทำได้ถูกกว่า และแพงกว่าหลากหลาย ทำเอา Colt โซซัดโซเซไปพักหนึ่ง

แต่ศักดิ์ศรีผู้นำที่สร้างสมมานานปานนั้น ผีผู้เฒ่าซามูเอล โคลท์ ผู้เป็นต้นตำนานคงเข้าสิงคนรุ่นต่อมาให้ฮึดสู้ หลังจากตั้งหลักเป่าน้ำแล้ว Colt ก็ออกจากมุมมาสู้อีกตรา ด้วยประสบการณ์และชื่อเสียง Colt ยังคงยืนหยัดในตลาดได้อย่างทระนง แถมยังสำทับพวกรุ่นลูกรุ่นหลานที่แตกหน่อเสียอีกว่า ถ้าไม่ใช่ Colt มันก็เป็นแค่ของเลียนแบบเท่านั้น

Colt Gold Cup ปัจจุบันนี้สามสี่ปีหลัง ในตลาดบ้านเราที่มีให้เห็นจะเป็นรุ่นต่อมา ที่ Colt เรียกว่า รุ่น โทรฟี (Trophy) ซึ่งคล้ายว่า ทำเป็นที่ระลึกถึงเกียรติภูมิในอดีต เป็น Gold Cup หลังลำเลื่อนกลม และไกรูเหมือนกับปืนสายต่อสู้ทั่วไป ต่างแต่ติดศูนย์หน้าสูงรับกับศูนย์หลังยี่ห้อ โบมาร์ ซึ่งกลายเป็นศูนย์มาตรฐานในปืน 1911 แบบแมทช์เกรดแทบทุกยี่ห้อ และ Gold Cup Trophy ราคาล่าสุดที่บอกขายหน้าร้านเกินหลักหมื่นไปแล้วด้วย จะหา Colt Gold Cup National Match หลังเหลี่ยมไกร่อง

ศูนย์เอลลิสัน สภาพใหม่เอี่ยมจากหน้าร้าน เป็นเรื่องที่ยากเท่างมเข็มในสระว่ายน้ำ ต้องออกแรงมากหน่อย หรือมีประกาศขายมือสอง ก็ดูให้ดี

นี่คือปืนระดับสุดยอดในแบบฉบับ 1911 ที่ Colt ผลิตออกมาหมายจะให้ดีที่สุด แม่นที่สุด ในสายการผลิต แต่จะอย่างไรก็ตาม มันยังคงต้องการฝีมือช่างระดัดดีเยี่ยมที่จะตกแต่งในหลายส่วนเพื่อเปล่งอานุภาพความแม่นยำให้ถึงขีดสุด

ที่มาของคำว่า Government

ในช่วงสงครามโลก รัฐบาลสหรัฐได้ให้บริษัทผลิตปืนได้ผลิตปืนในแบบ 1911 ขึ้นมา และมีเงื่อนไขว่า ปืนทุกกระบอกต้องเหมือนกัน และสลับชิ้นส่วนกันได้ เลยเป็นที่มาของคำว่า Government หมายถึง ปืนของรัฐบาล และ ตั้งแต่สงครามสงบลง Colt จึงนำปืนมาออกจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไป หลังจากที่ทหารเท่านั้นที่นำปืนมาใช้ในการแข่งขันยิงเป้า ก็มากลายเป็นยุคของประชาชนที่นำปืนมาแข่งขันยิงเป้า ซึ่ง Colt ได้ตั้งชื่อปืนในตระกูล 1911 ว่า Colt Government หรือ Government Model

ที่มา : โรงเรียนเสนาธิการทหารบก

COLT DEFENDER

COLT DEFENDER



Colt first introduced the use of a lightweight aluminum alloy in a gun frame in 1948. Building on this experience, the Colt Defender model now offers the power and performance of a full-sized .45 ACP pistol in a compact, lightweight carry model.

 
Small, lightweight, accurate, reliable, with excellent sights, and able to withstand everyday wear and frequent practice sessions without the need for extensive maintenance.

 
FEATURES
  • Wrap around rubber finger groove grips
  • Skeletonized aluminum trigger
  • Single action
  • Fixed sights
  • .45 Caliber
  • 3” barrel length
  • 63⁄4” overall length
  • Beveled magazine well
  • Lightweight
  • Brushed stainless frame and slide
  • 7 + 1 round capacity
TECHNICAL SPECIFICATIONS

 
Name: Defender
Frame material: Aluminum
Frame finish: Stainless steel slide / Teflon coated receiver
Barrel length: 3"
Overall length: 63⁄4”
Caliber: .45 ACP
Capacity: 7 + 1
Hammer: Combat
Trigger: Black anodized aluminum
Action: Single
Front sight: White Dot
Rear sight: White Dot
Grips: Wraparound Hogue
Grip safety: Beavertail
Thumb safety: Standard

COLT GOLD CUP

COLT GOLD CUP NATIONAL MATCH

 

 

 

 

 

 
The first Colt Gold Cup was introduced in the late 1950’s to give competitive shooters a gun to take directly from the dealer’s shelf to the firing line. It featured an adjustable wide trigger, hand-honed action, adjustable target sights, flat grooved top rib on the slide, and many other refinements as standard.

 
Today, the Colt Gold Cup is known as the finest shooting automatic in the world, and is the standard for competition guns.

 
FEATURES
  • 5” Match grade barrel
  • Black wrap around grips
  • Adjustable aluminum trigger
  • Adjustable rear sight
  • Beveled magazine well
  • Brushed stainless frame & slide
  • Round top slide
  • Bomar rear sight
  • Beavertail grip safety
  • 8 + 1 round capacity
  • Full length recoil spring and target recoil spring
TECHNICAL SPECIFICATIONS

 
Model: O5070X
Name: Colt Gold Cup National Match
Frame material: Steel
Frame finish: Stainless steel
Barrel length: 5"
Overall length" 81⁄2"
Caliber: .45 ACP
Capacity: 8 + 1
Hammer: Commander
Trigger: Adjustable aluminum
Action: Single
Front sight: Dovetail
Rear sight: Bomar
Grips: Wraparound rubber with medallion
Grip safety: Beavertail
Thumb safety: Standard

COLT 1991 GOVERNMENT

COLT 1991 GOVERNMENT

 

 
Colt 1991 Series is a direct descendent of the original Colt 1911A1.
After more than 90 years, it's still "The Standard" everyone else imitates, but no one duplicates.

 
FEATURES
  • Aluminum trigger
  • Single action
  • Fixed sights  
  • .45 ACP
  • 7 + 1 round capacity
  • Beveled magazine well
  • Standard thumb safety and service style grip safety  
TECHNICAL SPECIFICATIONS

 
Name: Colt 1991 Government, model o1991
Frame material: Carbon steel
Frame finish: Blue
Barrel length 5"
Overall length 81⁄2”
Caliber: .45 ACP
Capacity: 7 + 1
Hammer: Spur
Trigger: Aluminum
Action: Single
Front: White dot
Rear: White dot
Grips Double diamond rosewood
Grip safety: Standard
Thumb safety: Standard

COLT 1991 GOVERNMENT STAINLESS

COLT 1991 GOVERNMENT STAINLESS
The Colt 1991 Government is a direct descendent of the original Colt 1911A1, but with a stainless finish.
After more than 90 years, it's still "The Standard" everyone else imitates, but no one duplicates.

FEATURES
  • Aluminum trigger
  • Single action
  • Fixed sights
  • .45 ACP
  • 7 + 1 round capacity
  • Beveled magazine well
  • Standard thumb safety and service style grip safety
TECHNICAL SPECIFICATIONS

Name: Government Stainless 01091
Frame material: Stainless steel
Frame finish: Stainless steel
Barrel length 5" 5"
Overall length 81⁄2”
Caliber: .45 ACP
Capacity: 7 + 1
Hammer: Spur
Trigger: Aluminum
Action: Single
Front: White dot
Rear: White dot
Grips Checkered rubber composite
Grip safety: Standard
Thumb safety: Standard